Versys 650 LT (User Review) กล้าเลอะยิ่งเยอะประสบการณ์

   23844544_10209229487608716_8562203335958849102_n

 Intro

          ในตลาดประเทศไทยตอนนี้อาจจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การขี่รถบิ๊กไบค์นั้นได้รับความนิยมมากขึ้น กว่าแต่ก่อนเป็นอย่างมาก ในทุกเพศ, ทุกวัย โดยนักขี่หลายๆท่าน อาจจะเหนื่อยล้าจากการทำงาน และ อยากพักผ่อนโดยการเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถสองล้อบิ๊กไบค์ นั้นก็คงมีตัวเลือกในใจก็คือ รถในสไตล์ทัวริ่ง หรือ ครุยเซอร์ แต่วันนี้ผมจะหยิบนำรถรุ่นหนึ่ง ที่คาดว่าหลายๆ ท่านก็น่าจะรู้จักหรือเคยเห็นบนท้องถนนอยู่บ่อยๆ เมื่อยามท่านเดินทางออกไปเที่ยวต่างจังหวัดนั่นก็คือเจ้ารถ Versys 650

        หลายท่านอาจจะจดจำภาพเจ้ารถรุ่นนี้พร้อมปี๊ป 3 ใบ วิ่งบนท้องถนน มีอุปกรณ์มากมายถูกมัดกับตัวรถยามเดินทาง ซึ่งรถที่ผมจะพูดในครั้งนี้ไม่ใช่รถที่ใช้ทดลองขับขี่จากศูนย์ แต่ทว่าเป็นรถของผมเองที่ใช้งานทุกวันจริงๆ กับรถอายุ 1 ปี ใช้เดินทางไปแล้ว 21,000 กม.  เดินทางไปแล้วกว่า 24 จังหวัด ไม่ว่าจะลุยป่า ฝ่าฝน โหนโค้ง บนเจ้ารถคันเก่งคันนี้

26111921_10209426222846974_1605990071744538445_n

        สำหรับ Versys 650 คันนี้นั้นจัดอยู่ในรถสไตล์ทัวริ่ง แต่สำหรับผมแล้ว กลับมองว่ามันมีกลิ่นอาย ของความเป็น “สปอร์ต” อยู่บ้าง เพราะอะไรผมถึงกล่าวเช่นนี้? สงสัยใช่ไหมละครับผมถ้าอย่างนั้นมาหาคำตอบกันได้จากบทความ User-Review นี้ได้เลยครับ รับรองว่าข้อมูลอัดแน่นมากครับ

Part 1 Versys650’s Story

 

Attach (5)

      เข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ หลังจากที่พูดกันมานาน Versys 650 โฉมปัจจุบัน มีโค้ดเนมว่า “Versys650 LT” และมีรหัสโมเดลรุ่นว่า “KLE650” ซึ่งเป็นโมเดล โฉมใหม่ สำหรับ Versys 650 แล้วนะครับซึ่งการอัปเดตของโฉม LT นั้นได้มีการอัปเดต ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์จากเดิมหลายจุดจากตัวโฉมเก่า อาทิเช่น การเปลี่ยนไฟหน้าโคมแนวตั้งสองดวง เป็นไฟหน้าโคมคู่แบบนินจา (พูดง่ายๆว่าใช้โคมเดียวกันกับ Ninja 300) โช้คหน้า-หลัง Showa ปรับระดับได้, มือจับท้ายพร้อมที่ติดตั้งแร็คโดยไม่ต้องถอดมือจับออก ที่ล็อคกล่องข้างแบบไม่ต้องใช้แร็ค (กล่องข้างศูนย์), ถังน้ำมันขนาดใหญ่ 21 ลิตร และอีกมากมาย
            อีกจุดหนึ่งเลยที่หลายคนกลัวกันมาก จากเหตุการณ์ วาล์วขาดของรุ่นพี่ โฉมเก่า ยังคงเป็นคำถามที่มักจะถูกถามกันจนถึงปัจจุบันนี้ อยากจะแจ้งว่าปัญหาดังกล่าวได้ถูกแก้ไขหมดแล้ว สำหรับ โฉมใหม่ ปี15 เป็นต้นมา เพราะฉะนั้นหายห่วงได้เลยครับผม โฉมนี้ไม่มีอาการวาล์วขาดกับอาการน้ำมันเครื่องหายให้ใครแซวแล้วนะครับ สบายใจได้เลย

Part 2 Performance

 

40243241_10210885402525554_5261405735840907264_n

       หลายท่านอาจจะเคยเห็นเจ้าของ Versys 650 นำรถเข้าไปลุยในทางดินทางฝุ่นซึ่งถามว่าเจ้า Versys สามารถทำได้ขนาดนั้นเลยหรือ? จริงๆ แล้วต้องบอกก่อนเลยว่า สามารถลุยได้นั้นเพราะเครื่องยนต์ที่ถ่ายทอดกำลังและตอบสนองออกมาได้ดี แต่จากการถามเพื่อนที่อยู่ต่างประเทศเขาก็ยังรู้สึกงงๆว่า “เอ๊ะ...ทำไมเอารถทัวริ่ง อย่าง Versys 650” ไปลงขี่ทางฝุ่นกัน ซึ่งในประเทศของเขานั้นนิยมใช้รถ KLR650/KLX 250 ในการลุยทาง Adventure/ Enduro กัน ซึ่งเขาบอกว่ามันก็เป็นอะไรที่ดูน่าสนใจมาก

       ในส่วนของเครื่องยนต์นั้นของเจ้า Versys 650 เป็นการนำเครื่องยนต์ 649 CC. Parallel Twin ของ ER6N/F (เครื่องบล็อคเก่า) ยกมาใส่และทำการปรับจูนให้มีกำลังดีมากขึ้น (Slipper clutch n/a) โดยมีการหั่นม้าลดลงไปจากเดิมถึง 3 ตัว จาก 71 แรงม้า ถูกลดลงเหลือ 68 แรงม้า แต่ถ้าหากถามผมว่ามันหายไปจนไม่เหลือความดิบเลยรึ? ผมตอบตามตรงเลยครับว่า ไม่ครับมันกับเป็นการทำให้รถ User Friendly มากขึ้นกว่าโฉมเก่าไม่กระโชกโฮกฮาก สามารถคุมรถได้ง่ายมากขึ้น แต่ยังมีกลิ่นอายของความเป็นสปอร์ตฟิลลิ่ง หลงเหลืออยู่จริงมันสามารถ ทำ Power Wheelie ได้โดยไม่ต้องดีดคลัตช์ช่วย (ไม่แนะนำให้ทดลองทำตามครับ) ในรอบต่ำจะยังมีอาการสะอึก เมื่อรอบต่ำกว่า 3,000 Rpm. เนื่องจากเป็นรถที่มีลูกสูบโตจึงทำให้ รอบเดินเบามีความกระด้างและไม่เรียบเท่ารถเล็กอย่าง Ninja และ Z300 อัตราการกินน้ำมันก็ประหยัดดีขึ้นกว่าโฉมเก่าอีกนิดหน่อย จากการปรับจูน ECU ให้ผ่านค่ามาตรฐาน Euro4

40418493_10210885403045567_4215027706829471744_n

       ส่วนด้านหลังนั้น ยังคงวางโช้คไว้ข้างลำตัว/เฟรม เด่นเป็นสง่า สามารถปรับได้ละเอียดมากขึ้น โดยที่โช้คหน้ายังเป็นแบบหัวกลับเหมือนเดิม พิเศษตรงที่สามารถปรับได้ทั้ง Pre-load และ Tension ส่วนโช้คหลังนั้น ยังสามารถปรับ Pre-load โช้คได้ถึง 24 ระดับ เพื่อลดระดับการยวบย้วย เมื่อแบกสัมภาระและ คนซ้อนท้าย เข้าโค้งหรือเวลาตกหลุม ซึ่งถือว่าทำได้ดีกว่าโฉมเก่า ที่สามารถปรับได้เพียง ความสูง-ต่ำ ของโช้คหลังเท่านั้น “แต่” โช้คหน้าของโฉมใหม่นั้นจะมี ระยะยุบตัวของโช้คหน้าน้อยกว่า โฉมเก่าระดับนึง แต่ก็มีข้อดีตรงที่เจ้า โฉมใหม่นั้นมีการออกแบบให้ผู้ขับขี่ สามารถใช้เท้ายืนบนพื้นได้ง่ายกว่าโฉมเก่าซึ่งให้ความรู้สึกสูงกว่า

24312683_10209282124524606_3646952599207517795_n

Part 3 การใช้งานในชีวิตประจำวัน

        ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา 21,000 กม. กับอีก 24 จังหวัดที่เดินทางไป เจอทุกสภาพอากาศ และ สภาพถนน  ตลอดเวลาที่ได้กุมบังเหียน ขี่เจ้ารถทัวริ่งคันนี้ สามารถตอบโจทย์การใช้งานไลฟ์สไตล์คนอย่างผมได้ดีระดับนึงเลยครับ เพราะผมใช้เจ้า Versys 650 คันนี้ เดินทางไปไหนมาไหนเป็นหลัก การใช้งานในเมืองถ้าหากไม่ได้ใส่ปี๊ป ก็สามารถมุดผ่านช่องแคบระหว่างรถได้แต่ ไม่ได้คล่องตัวมากนัก เนื่องจากขนาดแฮนด์บาร์ที่ค่อนข้างกว้าง สิ่งที่ได้จากการมีแฮนด์บาร์กว้าง คือท่านั่งที่สบายหลังตรงไม่ต้องก้มงอ ช่วงล่างที่สูงทำให้การซอกแซกในเมือง ไม่สะดวกสำหรับผู้ที่มีความสูงไม่ถึง 170 อาจลำบากนิดหน่อย

Attach (10)

ได้อย่างก็ย่อมต้องเสียอย่างเป็นเรื่องปกติ เวลารถ ติดอาจจะรู้สึกร้อนวูบวาบที่ขาข้างขวาเป็นบางครั้ง เนื่องจากพัดลมหม้อน้ำปล่อยลมระบายความร้อนออกมาทางด้านขวา ถ้าหากพูดถึงการได้ขี่ ออกทริป แล้วละก็เราจะได้เห็นถึงข้อดีของ Versys 650 ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น การขับขี่ระยะทางไกลสามารถนั่งได้ อย่างสบาย เบาะหนานุ่ม พร้อมชิลหน้าสามารถตัดกระแสลม และยังปรับระดับได้  เพื่อลดอาการเหนื่อยล้าจากการเดินทางได้ดี ถังน้ำมันขนาดใหญ่ เพื่อระยะทางในการเดินทางที่ไกลขึ้น มีระบบไฟเสริมสำหรับต่อปลั๊กชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ แบบ Plug & Play เลยทีเดียว และสำหรับใครที่ไม่ชินกับการนับเกียร์ในใจหรือชอบเข้าเกียร์ 7 ก็มีไฟบอกเกียร์ให้แล้ว *(สำหรับปี 17+

 

Part 4 อัตราบริโภคน้ำมัน

        สำหรับ Versys 650 โฉมปัจจุบันนั้นมีไฟแสดงสถานะ Eco ประหยัดน้ำมันซึ่งไฟแสดงสถานะจะติดจนถึงความเร็วที่ 130 กิโลเมตร/ชั่วโมง. ที่รอบเครื่อง 6500 Rpm. ที่เกียร์ 6 ซึ่งขณะนั้นค่า Average. บนไมล์รถผมแสดงที่ค่า 19 กิโลเมตร/ลิตร โดยส่วนตัวแล้วความเร็วเดินทางที่ผมใช้ คือ 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งเป็นที่มาของคอนเซปต์การขี่รถของผม คือ “ขี่ยังไงก็ได้ให้ไฟ Eco ติดตลอดทาง” จากการเก็บข้อมูลการใช้รถของผมในช่วงแรกๆ สามารถคำนวณอัตรากินน้ำมัน ได้ตามตารางที่ท่านเห็นด่านล้างนี้เลยครับ

Screenshot (79)
โดยจากตารางดังกล่าวท่านจะเห็นได้ว่า ค่าเฉลี่ยอัตรากินน้ำมันมีค่าเฉลี่ยที่ 23.3 กิโลเมตร/ลิตร โดยหากคิดจากค่าเฉลี่ย น้ำมันหนึ่งถังสามารถไปได้ไกลถึง 400+ Km. เลยทีเดียวครับ

สรุปรถคันนี้เหมาะกับใคร

        รถคันนี้เหมาะกับผู้ที่หลงรักกันเดินทางไกลเป็นหลัก ที่ชอบแบกของและเต็นท์ตะลอนเที่ยว บวกกับชอบการขับขี่แบบสมบุกสมบันท้าทายสกิลความสามารถของตัวเอง แบบพอหอมปากหอมคอ เพราะช่วงล่างสามารถปรับเซตได้ตามรูปแบบการใช้งาน จะขี่ช้าๆ สบายๆ หรืออยากจะซุกซนเปิดคันเร่ง ขี่แบบสปอร์ตให้พอหายง่วงยามเดินทางไกลก็สามารถทำได้แบบไม่น้อยหน้าใครเลยทีเดียวเชียวครับ

 

Attach (5)-1Attach (14)

 

Like

  1. Ergonomic การจัดวางท่านั่งสามารถทำได้ดีนั่งสบาย วิสัยทัศน์สามารถมองได้ชัดเจนกว้างไกล เนื่องจากตำแหน่งที่นั่งสูง สามารถปรับช่วงล่าง แข็ง และ อ่อนได้ระดับนึงและยังมีชิลด์บังลมที่สามารถปรับระดับได้ง่ายและไม่บังสายตาเมื่อปรับสูงสุด (ปล. ผมสูง 175)

  2. ระบบไฟอุปกรณ์ที่พร้อมแบบ Plug& play ที่สามารถต่อกับรถได้เลยโดยไม่ต้องตัดต่อสายไฟเนื่องจากมีการเดินสายไฟรอไว้แล้วที่บริเวณหน้ารถ เช่น ระบบไฟตัดหมอก,ระบบไฟ DC Output ,ไฟบอกเกียร์ติดตั้งมาให้จากโรงงาน (สำหรับปี 2017+)

  3. ถังน้ำมันขนาดใหญ่ที่สามารถเดินทางไปได้ไกลถึง 400+ กิโลเมตร

  4. มีอุปกรณ์เสริมในท้องตลาดมากมายให้ได้เลือกซื้อและตกแต่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความสามารถของตัวรถรวมถึงความสวยงาม

 

Don’t like

  1. ช่วงล่างที่กระด้างเนื่องจากไม่มีกระเดื่อง Uni-Trak ซับแรงกระแทก เวลาเข้าโค้งหรือตกหลุม

  2. ไม่มีขาตั้งคู่มาให้ซึ่ง รถสไตล์นี้ควรจะมีให้มาตั้งแต่แรกมากกว่าจะต้องไปหาซื้อติดตั้งเอง แบบ Versys 1000 ที่มีมาให้จากโรงงานเลย

  3. กุญแจไม่มีระบบ Immobilizer เพื่อความปลอดภัยป้องกันการขโมยรถ อยากให้ใส่มาได้แล้ว ลำพังแค่การล็อกคอยังไม่ค่อยปลอดภัยเลยครับ

 

เครดิตขักเขียนคุณทอม

ติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ได้โดยตรง

New call-to-action           New call-to-action     New call-to-action