เค้นสมรรถนะ Kawasaki Ninja ZX-6R ในแทร็ค พีระฯ เซอร์กิต


131797

   หลังจากที่ Kawasaki ได้เปิดผ้าคลุมกันไปเรียบร้อยในบ้านเรากับ Kawasaki Ninja ZX-6R ที่พัทยาพร้อมกับได้เปิดแทร็กที่สนามพีระอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ให้ได้สัมผัสกับความเป็นสปอร์ตอย่างเต็มอารมณ์ กับรถสปอร์ตในคลาส 600 ซีซี ที่มีฟังก์ชั่นที่ไม่แตกต่างไปจากรถระดับ 1000 ซีซี ปกติแล้วโหมดควบคุมต่างๆ จะถูกอัดแน่นอยู่ในรถที่ระดับซูเปอร์ไบค์อย่าง Kawasaki ZX-10R ที่ผู้ขับขี่สามารถปรับรูปแบบหรือโหมดการขับขี่ให้มีความหลากหลายไปตามสภาพของพื้นถนนหรือว่าปรับได้ตามสไตล์ของเจ้าของรถมากกว่า แต่ว่าตอนนี้เทคโนโลยีต่างๆ ได้ถูกบรรจุอยู่ในรถคลาส 600 ซีซี อย่าง Kawasaki Ninja ZX-6R เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้การขับขี่มีความสนุกและปลอดภัยมากขึ้นด้วยเช่นกัน

 

New call-to-action

New call-to-action

New call-to-action

 

IMG_7634

Kawasaki Ninja ZX-6R เป็นรถนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นทั้งคัน กับเครื่องยนต์บล็อค 4สูบเรียงที่คนไทยเฝ้ารอกันเหลือเกิน เรื่องของตัวสเปกเครื่องยนต์คงได้เห็นกันเมื่อคราวที่แล้วรวมถึงฟังก์ชั่นต่างๆ คราวนี้เราดูกันว่าเรื่องของฟิลลิ่งการขับขี่กันดีกว่าว่า Kawasaki Ninja ZX-6R จะให้ความเป็นรถสปอร์ตในแบบไหนกันบ้าง

IMG_7654

ก่อนที่จะออกไปสัมผัสกับสนาม เราควรจะมาเช็คระบบการทำงานของโหมดต่างๆ กันก่อนเพื่อความปลอดภัยและความเหมาะสมกับสภาพฝนตกลงแบบนี้ ตัวควบคุมโหมดจะอยู่ที่แฮนด์ด้านซ้ายอันดับแรกมาปรับที่ตัว POWER ที่มีอยู่ 2โหมดคือ FULL และ LOW สภาพสนามเปียกแบบนี้ขอปรับไปที่ตำแหน่ง L (ขอใช้เป็นตัวย่อแทนนะครับ) เครื่องยนต์จะให้ความนุ่มนวลมาก เมื่อเซ็ตได้แล้วก็มาปรับ KTC (Kawasaki Traction Control) มีทั้งหมด 3 โหมดให้เลือกใช้โหมด 1 จะมีการทำงานน้อยที่สุด และโหมด 2 ที่มีการทำงานขึ้นมาตามสเต็ปและโหมด 3 มีการทำงานมากที่สุดและเหมาะกับสภาพสนามลื่นแบบนี้หรือว่าสุดท้ายจะปิดการทำงานก็ได้

IMG_7652

ส่วนการเปิด-ปิดการทำงานของ KQS (Kawasaki Quickshifter) จะต้องไปปรับตรงปุ่มล่างสีดำด้านซ้ายมือของแผงหน้าปัด ส่วนการทำงานจะต้องมากกว่า 2,500 ขึ้นไป KQS ถึงจะทำงานและทำงานเฉพาะงัดเกียร์ขึ้นเพียงอย่างเดียว อีกตัวหนึ่งที่สามารถปรับตั้งได้ก็คือตัว Shift Light คือไฟบอกรอบการเปลี่ยนเกียร์ตั้งได้ตั้งแต่ 5,000 – 16,000 รอบ

IMG_7655

การทำงานเมื่อถึงรอบการเปลี่ยนเกียร์ไฟที่อยู่เหนือตำแหน่งบอกเกียร์จะทำการเตือนทันที ปรับเซ็ตเรียบร้อยก็ถึงเวลาออกไปค้นหาความสนุกกันบนสนามพีระอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิตกันได้แล้ว เกือบลืมไปเลย!! ก่อนขับขี่ควรปรับตั้งมือคลัทช์และเบรกให้เข้ากับคนขี่มากที่สุดซึ่งสามารถปรับได้ถึง 5 ระดับ

 

 

IMG_7684

ลักษณะท่านั่งของการขับขี่ ตั้งแต่ท่านั่งที่ให้ความสปอร์ตมาเต็มตัวเท้าเราสามารถวางพื้นได้ง่าย ตำแหน่งแฮนด์ เบาะ และพักเท้า คือจุดเชื่อมที่เราจะต้องควบคุมรถ เมื่อปรับโพซิชั่นได้แล้วก็จะทำให้เราสามารถควบคุมรถได้โดยไม่เกิดอาการเกร็งของร่างกาย ช่วงล่างไม่มีการปรับใดๆ ทั้งสิ้นถึงแม้จะปรับได้ก็ตาม แต่ว่าการปรับจะต้องมีการคำนวณต่างๆ และเวลาทดสอบมีไม่มากนัก จึงใช้ค่ากลางจากโรงงานดีกว่า สภาพสนามลื่นแบบนี้ระบบต่างๆ ช่วยให้เราเกิดความปลอดภัยได้มาก อย่างระบบ KTC ในจังหวะที่เราต้องใช้คันเร่งระบบจะช่วยไม่ให้เปิดโอเวอร์ ล้อหน้าและล้อหลังทำงานได้อย่างสัมพันธ์กัน ซึ่งจะมีการทำงานที่สัมพันธ์กับโหมด POWER ที่ปรับตั้งไว้ในตำแหน่ง L อยู่แล้ว เครื่องยนต์จะให้ความนุ่มนวล จังหวะการต่อเกียร์ที่ตัวระบบ KQS ทำให้เกียร์มีความต่อเนื่องและนุ่มนวล ในสภาพสนามลื่นแบบนี้ทำให้เราได้เห็นการทำงานของโหมดต่างๆ ที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

131800

ในรอบบ่ายมีการทดสอบอีกรอบกับเวลา 20 นาที กับสภาพแทร็กที่แห้งทำให้เรามีการปรับโหมดการขับขี่ให้สนุกมากขึ้น POWER โหมดได้ถูกปรับมาที่ F คือการให้เครื่องยนต์ตอบสนองได้สนุกขึ้น พอสนามแห้งเรียบร้อยแล้วต้องบอกเลยว่า Kawasaki Ninja ZX-6R ขี่ได้สนุกทีเดียว ทำให้เห็นสมรรถนะและเทคโนโลยีของ Kawasaki Ninja ZX-6R ได้ชัดเจนมากขึ้น อย่างแรกเลยคือการตอบสนองของเครื่องยนต์ที่ได้มีการปรับมาเป็นโหมด F แล้วมีความแตกต่างจากโหมด L อย่างชัดเจน ในจังหวะที่ต้องเปิดคันเร่งโหมด F สามารถสนองได้ตามคันเร่ง ต่างจากโหมด L ถึงจะกระแทกคันเร่งแต่เครื่องยนต์ก็ยังให้ความรู้สึกว่านุ่มนวลกว่าเยอะ แต่ว่าตัวKTC นั้นยังไม่ได้มีการปรับ เพราะว่าบางช่วงของแทร็กนั้นยังมีความเปียกชื้นอยู่ ในช่วงทางตรงใช้ความเร็วประมาณ 180 ความต่อเนื่องของเกียร์หรือว่าการทำงานของ KOS ให้ความต่อเนื่อง ความเร็วไม่ตกและเราเปลี่ยนได้โดยที่ไม่ต้องยกคันเร่ง

131801-1

ในขณะเดียวกันเมื่อต้องเข้าโค้งแรกทำให้ต้องเบรกให้ได้ในระยะทางที่สั้น เบรกให้ความมั่นใจอย่างมากรวมไปถึงการรวบเกียร์จากเกียร์ 6 ลงมาถึงเกียร์ 2 หรือว่าเกียร์ 3 ในบางรอบ ระบบ Slipper Clutch ช่วยป้องกันการล้อหลังล็อกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้เข้าโค้งได้ง่าย กับโค้งแรกช่วงล่างซับแรงกระแทกได้เยี่ยม ก่อนที่จะเปิดคันเร่งออกไปได้อย่างต่อเนื่อง โค้งหนึ่งกับโค้งสองถ้าต้องการความโหดก็เชนจ์เกียร์ลงมาได้ที่เกียร์ 2 แต่ถ้าต้องการแบบไหลๆเปิดคันเร่งออกได้ง่ายและนุ่มนวลหน่อยก็สามารถเข้าโค้งในเกียร์ 3 ได้เช่นกัน ก่อนที่จะต่อเกียร์ไปถึงเกียร์ 5ในโค้ง 100R ที่ถือว่าเป็นโค้งไฮสปีด แต่ว่าช่วงนี้อาจจะต้องใช้ความระมัดระวังหน่อยเพราะว่ายังมีทางน้ำไหลอยู่ ต่อที่จะมาถึงในโค้ง S1 และ S2 ที่จะเป็นช่วงพิสูจน์ถึงความคล่องตัวของ Kawasaki Ninja ZX-6R ได้ชัดเจนมากขึ้น ช่วงนี้ใช้เกียร์ 4 ก็ไหลเข้าไปได้ง่าย เพราะว่าตัวรถให้การตอบสนองเร็วสามารถพลิกรถได้ง่าย แบบที่เราคุมรถได้ไม่เหนื่อย ทำให้เห็นถึงความสมบูรณ์ของ Kawasaki Ninja ZX-6R

131802

การทดสอบในสนามที่มีโค้งทุกรูปแบบทำให้เห็นถึงระบบการทำงานของ Kawasaki Ninja ZX-6R อย่างชัดเจนไม่ว่าจะเป็นแทร็กเปียกหรือว่าแทร็กแห้ง เมื่อแทร็กเปียกก็เท่ากับในบางครั้งเราต้องขี่ลุยฝนแต่ว่าระบบกลับให้ความมั่นใจและให้ความปลอดภัยได้มาก

IMG_7698

ในขณะเดียวกันถ้าแทร็กแห้งก็จะเปรียบเทียบได้กับถนนแห้งที่เราสามารถรีดสมรรถนะรถออกมาได้เต็มที่และขี่ได้สนุก ทำให้ฟันธงได้ว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตอบสนองของเครื่องยนต์ สมรรถนะช่วงล่างหรือว่าเทคโนโลยีที่ให้มา Kawasaki Ninja ZX-6R น่าจะเป็นคำตอบสุดท้ายของสายไบค์เกอร์ที่อยากจะเข้ามาสัมผัสกับความเป็นสปอร์ตได้ไม่ยาก รวมไปถึงใครที่อยากจะอัพ ซีซี ขึ้นมาหรือว่าเปลี่ยนแนวมาหาความเร้าใจกับรถสปอร์ตที่พร้อมจะให้ทุกคนได้เข้ามารู้จักได้ตลอดเช่นกัน

New call-to-action  

IMG_7667IMG_7651IMG_7657

IMG_7678IMG_7665IMG_7668

IMG_7679IMG_7636IMG_7641

IMG_7662IMG_7660IMG_7639

 

New call-to-action

New call-to-action

New call-to-action

เครดิตขักเขียน 2_-2-1

เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับโดยเร็วที่สุด

รับข่าวสารดีๆเพิ่มเติม จาก เรียล โมโตสปอร์ต ได้ที่

realmotosports.com

New call-to-action   New call-to-action

New call-to-action