ใส่ใจรายละเอียดของรถ เพื่อการขับขี่ปลอดภัยในช่วงหน้าฝน (ตอนที่ 3)

        ต่อจากตอนที่ 2 (ถ้าใครยังไม่ได้อ่านสามารถกลับไปอ่านได้ตรงนี้ คลิก และ บทความตอนที่ 1 ) ที่เราได้พูดถึงความสำคัญของยางรถในช่วงหน้าฝน วันนี้ผมมาขอพูดในส่วนสุดท้าย ซึ่งก็คือการควบคุมรถในสภาวะที่ถนนลื่นกัน ทุกคนได้ยินอยู่เสมอว่า ฝนตก ถนนลื่น ซึ่งแน่นอนครับ การขับขี่ในช่วงนี้ ก็ต้องสมูทที่สุดทั้งการเปิดคันเร่งและการเบรก เว้นระยะห่างจากรถคันอื่นเยอะๆ เผื่อระยะเบรกที่มากขึ้น และหลีกเลี่ยงการเปิดคันเร่งรุนแรงโดยเฉพาะเวลาอยู่ในโค้ง เพราะล้ออาจปัดจนล้มได้ง่าย อันนี้เป็นพื้นฐานที่ทุกคนทราบกันดี

3095142018-2
  
ขอบคุณรูปภาพจาก : https://newworldss.net/เย็นนี้หนักมาก-อุตุฯเตื/

แต่พอลงลึกถึงรายละเอียดปลีกย่อย หลายคนอาจไม่เคยทราบมาก่อนว่า การใช้เบรกในขณะที่ถนนเปียกลื่นนั้น ต่างกับเบรกในสภาพถนนแห้งอย่างไรโดยปรกติแล้วเราจะถูกสอนว่า การเบรกเพื่อให้รถหยุด ให้ใช้เบรกหน้าหลังคู่กัน โดยใช้แรงจากเบรกหน้าเป็นหลักในการหยุดรถ ส่วนเบรกหลังใช้เสริม เช่น ใช้เบรกหน้า 80% หลัง 20%  แต่ในขณะที่ถนนเปียกลื่น เราควรเพิ่มน้ำหนักการใช้เบรกหลังให้มากขึ้นกว่าปรกติ เช่น หน้า 50% หลัง 50% เป็นต้น   เพราะถ้าเบรกหน้าอย่างรุนแรงในขณะที่ถนนเปียก โดยไม่ใช้เบรกหลังเลยหรือใช้ไม่พอ จะมีผลให้แม้หน้ารถจะหยุดแล้ว แต่ยางหลังรถอาจจะปัดซ้ายขวาจากความลื่นของถนนจนเสียการควบคุมได้

IMG_5417

        ทั้งนี้อัตราส่วนการเบรกหน้าและหลังควรจะเท่าไหร่ จะต้องพิจารณาประเภทของรถที่ขี่ด้วย เช่นรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตที่ท้ายรถเบา เวลาเบรกน้ำหนักรถจะกดไปทางด้านหน้าเกือบหมดจนเบรกหลังมีผลน้อย การใช้เบรกในภาวะถนนปรกติ อาจจะเป็น 90-10 และเวลาถนนเปียก อาจจะเป็นแค่ 80-20  ส่วนรถประเภทอื่นๆ อย่างครุยเซอร์เช่น Vulcan's หรือทัวริ่งอย่าง versys 300 versys 650 และ versys 1000 ที่น้ำหนักรถกระจายไปด้านท้ายรถมากกว่า เบรกหลังก็จะมีผลต่อการหยุดรถมากขึ้น ในสภาวะถนนปรกติอาจจะใช้เบรก 80-20 ส่วนสภาวะถนนเปียกก็กลายเป็น 60-40 หรือ 50-50 ได้เป็นต้น ยิ่งมีคนซ้อนน้ำหนักรถกดท้ายมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งควรเพิ่มน้ำหนักเบรกท้ายมากขึ้น แต่ไม่เกิน 50% เป็นต้น ในการขับขี่จริงในสภาวะถนนลื่นก็ให้กะคร่าวๆ โดยประมาณ คือให้ใช้เบรกหลังให้มากขึ้นกว่าปรกติ แต่อย่าให้ถึงกับล้อล็อก โดยที่เบรกหน้าก็ยังเป็นเบรกหลักอยู่ที่ต้องใช้มากกว่า 50% ขึ้นไปเสมอ

IMG_5315

ในขณะที่ถนนเปียกลื่น เราควรเพิ่มน้ำหนักการใช้เบรกหลังให้มากขึ้น”

        ต่อมาที่อยากจะกล่าวถึงคือ การทรงตัวขณะเข้าโค้งในสภาวะถนนเปียกลื่น ก็ควรใช้การเคลื่อนไหวร่างกายช่วยเพื่อให้มอเตอร์ไซค์ยึดเกาะถนนดีขึ้น  หลักการคือรถสองล้อจะมีการยึดเกาะถนนสูงสุดเมื่อรถวิ่งตั้งฉากกับพื้น 90 องศา และการยึดเกาะจะน้อยลงตามลำดับเมื่อตัวรถเอียงมากขึ้น ยิ่งถนนเปียก ความสามารถของยางในการยึดเกาะถนนลดน้อยลงกว่าปรกติ เราควรใช้การเคลื่อนไหวร่างกายช่วยโหนเล็กน้อย อาจจะกางเข่า เอี้ยวตัว ขยับก้นทิ้งน้ำหนักไปทางเดียวกับด้านที่เลี้ยว ช่วยให้ตัวรถตั้งฉากที่สุด รถเอียงแค่ที่จำเป็นถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ใช้ความเร็วมากก็ตาม บางท่านอาจคิดว่า เราไม่ได้ขี่เร็วจะโหนไปทำไม อายคนอื่น แต่ผมอยากจะฝากให้คิดว่าถึงจะช่วยได้แค่ไม่เท่าไหร่ แต่บางทีแค่นิดเดียวนี่แหละ ที่จะช่วยพลิกในสถานการณ์คับขัน เอาตัวรอดรถไม่ล้มได้ ไม่ต้องขนาดเข่าเช็ดพื้น แค่กางเข่านิดๆ เอี้ยวตัวเล็กน้อย ก็ช่วยได้มากแล้ว

IMG20170805123431

        ผมอยากให้ทุกคนฝึกตรงนี้ไว้จนชินครับ ไม่ว่าจะเป็นรถประเภทไหน ครุยเซอร์ ทัวริ่ง สปอร์ต อย่าไปอาย หรือกลัวคนอื่นคิดว่าแว้น เราเพียงขยับตัวเล็กน้อยช่วยทรงตัว ไม่ได้สนับสนุนให้ขับขี่เร็ว เข่าเช็ดพื้นเป็นที่หวาดเสียวต่อผู้ร่วมทาง ขอแค่เวลาขี่รถอย่านั่งแข็งทื่อ ให้ฝึกขยับร่างกายอยู่เสมอ ช่วยรถทรงตัวในสภาพต่างๆ  นอกจากช่วยแก้ง่วงแก้หลับในส่วนหนึ่ง เมื่อถึงเวลาจำเป็น เราสามารถขยับร่างกายควบคุมรถได้อย่างว่องไวไม่ติดขัด กลายเป็น muscle memory ไม่ต้องคิดร่างกายก็ตอบสนองไปก่อนแล้ว เหมือนนักแข่งรถอาชีพที่สามารถแก้อาการของรถต่างๆ เพื่อไม่ให้รถล้มได้อย่างน่าอัศจรรย์ครับ

asphalt-biker-curve-775205

ใช้การเคลื่อนไหวร่างกาย  ช่วยให้ตัวรถเอียงน้อยที่สุด เพื่อเพิ่มการยึดเกาะสูงสุด ขณะถนนเปียก”

จบบทความเรื่องเปียกๆปอนๆทั้ง 3 ตอนแล้ว ก็หวังว่าพอเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน ขอให้ทุกท่านขับขี่ปลอดภัยตลอดช่วงหน้าฝน รอรับฤดูหนาว ฤดูแห่งการออกทริปกันครับ

เครดิตขักเขียน

ติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ได้โดยตรง

New call-to-action           New call-to-action      New call-to-action