เทคนิคการขับขี่ทางภูเขาอย่างไรให้ปลอดภัย ไปกับ Real MotoSports

55555555

เทคนิคการขับขี่ทางภูเขาอย่างไรให้ปลอดภัย

        Real MotoSports มี เทคนิคการขับขี่ทางภูเขาอย่างไรให้ปลอดภัย เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะมีแผนออกทริปเดินทางกันอยู่ ไม่ก็เพิ่งกลับมาจากการออกทริป หรืออาจจะกำลังท่องเที่ยว แน่นอนว่ารถที่เหมาะสมกับการท่องเที่ยวก็จะมาหลากหลายสไตล์แล้วแต่เราชื่นชอบ เช่น Adventure Bkie ตัวอย่าง ตระกูล Versys, KLX, D-tracker,  Sport bike ตัวอย่างเช่น ตระกูล Ninja, Z Series และ Classic Bike เช่น W Series, Vulcan และ Z900 RS

        ความสุขของชาวไบค์เกอร์ในการออกทริปนอกจากจะได้ท่องเที่ยวแล้วนั้น เป็นเรื่องของความปลอดภัยระหว่างการเดินทาง สถานที่ส่วนใหญ่ของไบค์เกอร์ที่อยากจะไปส่วนใหญ่จะเป็นภูเขา ชมวิวอันแสนสวยและบรรยากาศที่ดีอากาศที่สบาย แต่ก็ต้องเจอกับทางที่คดเคี้ยวซึ่งท้าทายทักษะ แต่วันนี้ทาง Real MotoSports จะมาบอกเคล็ดลับ 6 วิธีในการขับขี่เส้นทางภูเขาให้สนุกและปลอดภัยกัน ถ้าพร้อมแล้วก็ไปที่ข้อแรกกันเลยครับ

1. คอยใช้ Engine Brake เป็นตัวช่วย

        เมื่อเราเจอเส้นทางที่เต็มไปด้วยทางโค้งคดเคี้ยวและทางลาดชัน แน่นอนว่าจะต้องมีควบคุมความเร็ว ไม่ว่าจะเพิ่มความเร็วหรือชะลอ ข้อควรระวังไม่ให้ใช้เบรกมากจนเกินไปเพราะอาจจะเป็นเหตุก่อให้เกิดอาการ Brake Fade หรือ เรียกง่ายๆ ว่า อาการเบรกหาย สาเหตุเกิดจากอุณหภูมิของผ้าเบรกหรือจานเบรกสูงเกินไป ส่งผลให้ประสิทธิภาพของการทำงานของเบรกลดลงอย่างฉับพลัน

       อาการนี้ควรระวังเป็นพิเศษในขณะที่ขี่ช่วงเส้นทางที่เป็น Dowhill หรือขาลง เพราะจำเป็นต้องใช้ความเร็วที่ต่ำและพยายามควบคุมความเร็วให้ต่ำที่สุด การใช้เกียร์ให้ต่ำเพื่อฉุดความเร็ว Engine Brake หรือแรงเฉื่อยเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ขอแนะนำเอาไปใช้ในเวลาที่ต้องลงทางลาดชัน หรือลงเขา

17MY_Versys650_Shot14

2. ควบคุมไลน์ในการเข้าโค้งไม่ให้บานพยายามเข้าใกล้เส้นแบ่งกลางถนน

       โค้งต่อหลายโค้งบนภูเขาบางทีอาจมีมุมที่มองไม่เห็นหรือเป็นโค้งบอด  และทางเหล่านี้มักจะโล่งรถน้อย จึงเป็นที่ชื่นชอบของไบค์เกอร์ ส่วนใหญ่จะใส่เต็มเข้า Full Line ใช้พื้นถนนอย่างเต็มที่โดยอาจจะลืมคำนึงถึงอันตรายที่มองไม่เห็นหรือรถที่วิ่งสวนทาง

       อยากแนะนำว่า ควรเผื่อระยะไว้สำหรับเหตุการณ์ไม่คาดคิด พยายามทิ้งพื้นที่จากเส้นแบ่งกลางถนนหลีกเลี่ยงที่จะบานข้ามไปในเลนสวน เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากรถสวนทางมาโดยที่เราไม่เห็นเนื่องจากโค้งบอด

        นอกจากนี้แล้วควรจับตามอง Vanishing point หรือจุดโค้งที่สิ้นสุดในสายตาเราอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากจะสามารถปรับตัวปรับองศารถได้หากเห็นว่าไลน์โค้งมีการเปลี่ยนแปลงหรือมีรถสวนทางกินเลนฝั่งเราเข้ามา

3. หลีกเลี่ยงการวิ่งใช้ไหล่ทางหรือขอบถนน

        ในข้อนี้ถือว่าสำคัญอย่างมากในเรื่องของความปลอดภัย เนื่องจากไหล่ทางไม่ได้มีไว้ให้รถวิ่งอยู่แล้ว และยิ่งด้วยสภาพแวดล้อมของทางภูเขามีก็จะมีความชื้นบนถนน เต็มไปด้วยต้นไม้และใบไม้ที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้นผิวถนน หรือจะพวกตะไคร่ต่างๆ เกาะอยู่บริเวณริมขอบของถนน ดังนั้นจึงไม่ควรเสี่ยงไปวัดกับความลื่นของกองใบไม้และตะไคร่ที่เกิดจากความชื้นเหล่านั้น

       นอกจากเรื่องของความลื่นจากความชื้นของอากาศ ใบไม้ที่กองบริเวณริมของถนนและตะไคร่แล้วอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือร่องน้ำที่อาจจะแอบซ่อนอยู่ภายใต้ใบไม้ ถ้าเกิดเหยียบเข้าไปอาจจะทำให้รถเสียหลักได้อย่างง่ายดาย

1534750033764

4. รู้จักทิ้งระยะห่างจากคันข้างหน้าให้เหมาะสม

       ในข้อนี้ถือเป็นพื้นฐานหลักในการออกทริปเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากกำชับว่าเป็นข้อที่มีความสำคัญเป็นพิเศษกับการขี่บนเส้นทางภูเขา เนื่องด้วยโค้งต่างๆ ที่อยู่บนภูเขามีไลน์และการใช้ความเร็วที่ต่างกันในการเข้าออก และเผื่อพื้นที่ให้แก่ผู้ร่วมทางคนอื่นๆ

gallery-1-b

5. รู้ลิมิตทั้งรถและตัวเอง

        ข้อนี้เป็นเรื่องของความพร้อมในการขับขี่ เป็นข้อที่หลายๆ คนอาจเผลอลืมนึกถึงไป แต่ขอบอกเลยว่าเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กับข้ออื่นๆ ที่กล่าวมา บางคนพยายามที่จะขี่ตามเพื่อนที่อาจจะขี่รถที่เหมาะสมกับเส้นทางมากกว่าและอาจมีประสบการณ์ในเส้นทางมากกว่า ทั้งรถและคนทุกคนมีความพร้อมและประสบการณ์ที่แตกต่างกัน มีลิมิตไม่เท่ากัน ดังนั้นเราควรศึกษาและรู้เอาไว้ว่าลิมิตของรถและเรามีเท่าไหน

       ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของยาง ซึ่งต้องคำนึงถึงการยึดเกาะถนนและดอกยางที่เหมาะสมกับสภาพถนน หน้ายาง และอุณหภูมิยางในขณะที่ขี่ ถ้ายางมีความเย็นก็อาจเกาะถนนไม่พอ จึงต้องมีการวอร์มยางก่อน หรือไม่ถ้าร้อนเกินไปไม่เกาะถนน

      นอกจากเรื่องที่กล่าวมาข้างต้นแล้วก็ไม่ควรละเลยในส่วนของทักษะในการขับขี่และความชำนาญเส้นทาง ถ้าไม่คุ้นเส้นทางไม่ควรฝืนใส่เต็มข้อล่อเต็มคันเร่งโดยที่ไม่รู้ว่าโค้งหน้าเป็นอย่างไร ทางที่ดีควรขี่ด้วยความปลอดภัยและระมัดระวังให้มากที่สุด

gallery-2-b

6. คอยระวังสังเกตสภาพพื้นผิวถนนตลอดเวลา

       สุดท้ายแล้วอยากจะเตือนเรื่องสภาพของเส้นทาง ทั้งรถและตัวคุณเองอาจจะพร้อมทุกอย่าง อย่าลืมถนนเป็นปัจจัยที่คุณไม่สามารถกำหนดได้ และไม่สามารถรู้ได้ว่าในตอนนั้นเส้นทางจะเป็นอย่างไร หลายๆ ท่านอาจจะเผชิญกับสภาพอากาศที่แปรปรวน เจอฝนตกหนักอยู่ดีๆ แดดก็ออก หรือจะลมเย็น (แต่ช่วงหลังๆ ไม่ค่อยมีลมเย็นและจะเจอแต่ลมร้อน) รวมไปถึงการเสื่อมสภาพของพื้นผิวถนน

       นอกจากนี้แล้วอาจต้องเผชิญกับเหตุการณ์ดินถล่ม น้ำป่าไหลหลาก ซึ่งก็ส่งผลต่อสภาพพื้นผิวถนนทั้งนั้น อีกหนึ่งสิ่งที่ควรระวังเป็นพิเศษคือความลื่นในขณะที่ฝนตก เพราะทางเหล่านี้ไม่ได้เป็นทางตรงเรียบๆ ซึ่งเป็นปกติอยู่แล้วว่าน้ำจะต้องไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ จะส่งผลต่อการยึดเกาะของยาง และอีกส่วนที่ไม่สามารถกำหนดได้คือ สัตว์ป่าที่ออกมาหากิน ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็ก สัตว์ใหญ่ ยิ่งถ้าเจอตรงทางโค้งหรือขณะที่เรากำลังเข้าโค้งอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้ จึงต้องระวังเป็นพิเศษ

y17

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก http://www.shiftupmagazine.com/guide/6-tips-mountain-riding/

http://www.tnews.co.th/contents/392500?videoId=59047&videoAds=on